5.ยาต้านโรคจิต (Antipsychotic
drugs)
โรคจิต (psychosis) คือ โรคที่ผู้ป่วยไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
โรคจิตที่พบบ่อยคือ โรคจิตเภท
โรคจิตเภท(schizopherenia) มีอาการทางคลินิก คือ มองโลกผิดไปจากความเป็นจริง ประสาทหลอน(hallucination
ที่พบบ่อย คือ หูแว่ว) หลงผิด(delution)
ความคิดผิดปกติ ไม่สามารถคิดได้อย่างมีเหตุผลทำให้สื่อสารกับผู้อื่นไม่ได้
แยกตัวออกจากสังคม การแสดงอารมณ์ไม่เหมาะสม และมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
ทฤษฏีของ schizophrenia
1.
กรรมพันธุ์
2.
ความผิดปกติของ neurotransmitters
โดยเฉพาะ Dopamine hypothesis
Dopamine hypothesis กล่าวว่า
schizophrenia เกิดจากการที่มี dopaminergic neurotransmission มากเกินไปในสมอง
3.
ความผิดปกติทางกายวิภาคและการทำงานของสมอง
อาการโรคจิต
อาการบวก(Positive symptom)
|
อาการลบ(Negative symptom)
|
- กระวนกระวาย อยู่นิ่งไม่ได้(agitation)
- หลงผิด มีความเชื่อผิด(delution)
- ประสาทหลอน(hallucination)
- พูดจาผิดปกติ ไม่เป็นเรื่องเป็นราว
- ความคิดผิดปกติ เป็นเรื่องราว
- นอนไม่หลับ( insomnia)
|
- นิ่งเฉย(apathy)
- อารมณ์นิ่ง ไม่มีการแสดงอารมณ์
- ไม่มีความเพลิดเพลิน
- ไม่มีแรงกระตุ้นหรือแรงบันดาลใจ
- พูดน้อย(alogia)
- แยกตัวออกจากสังคม(social
isolation)
|
Antipsychotic Drugs แบ่งตามโครงสร้าง
-
Phenthiazides : Chlopromazine,
Thioridazine,Fluphenazine
-
Thionxanthine : Thiothixene
-
Butyrophenones : Haloperidol
-
Pimozide, Clozapine, Risperidone
ยาต้านโรคจิตออกฤทธิ์ปิดกั้น receptor
หลายชนิด
-
Dopaminergic rc.
-
Serotoninergic rc.
-
Muscarrinic rc.
-
Adrenergic rc.
-
Histaminergic rc.
แต่ฤทธิ์ในการต้านโรคจิตเกิดจากการปิดกั้น Dopamine
D2 rc. และ 5-HT 2 receptor
-
ยาต้านโรคจิต
ผ่านเข้าสมองได้ดี
กระจายตัวในร่างกายดีและถูกกำจัดโดยการผ่านเมทาบอลิซึมโดยเอนไซม์ P450
ที่ตับ
-
ยาต้านโรคจิตใช้เป็นเวลานานกว่าจะเห็นผลการต้านโรคจิต
แต่ผลข้างเคียงของยาเกิดเร็ว
-
ยารักษาโรคจิตไม่สามารถรักษาโรคจิตให้หายขาดได้แต่จะช่วยลดอาการ
-
อาการข้างเคียงทาง EPS
เกิดจากการที่ยาไป block D2 rc. ที่ dopaminergic pathway อื่นๆ
การจำแนกยาต้านโรคจิต
ตามโครงสร้างทางเคมี
ยาต้านโรคจิตกลุ่ม
Typical
แบ่งตามความแรง(potency)หรือความสามารถในการจับ(affinity) กับ D2 receptor ดังนี้
-
ยาที่มีความแรงสูง(high
potency) เช่น fluphenazine
-
ยาที่มีความแรงต่ำ(Low
potency) เช่น chropromazine
- ยาต้านโรคจิตกลุ่ม typical
มีความแรง(protency)ต่างกันในการปิดกั้น D2 rc. แต่มีความสามารถสูง(efficacy) เท่ากัน
กลไกการออกฤทธิ์
ฤทธิ์ต้านโรคจิตเกิดจากการปิดกั้น
Dopamine
D2 rc. ใน mesolimbic system และ mesocortical
system
ประโยชน์ในการรักษา
-
ใช้รักษาโรคจิตเภท
ยาใช้ได้ผลดีในระยะเฉียบพลันซึ่งมีอาการบวมเด่น เช่น มีความเชื่อผิดๆหรือหลงผิด(delution)หูแว่ว(auditory hallucination)
-
รักษาภาวะโรคจิต(psychotic
state)วุ่นวาย(agitation)หรือคลั่ง(mania) เช่น ในผู้ป่วย bipolar
disorder
-
ใช้ haloperidol รักษาโรคจิตเวชอื่นๆ เช่น Huntington’s diseas และ ภาวะพิษจาการได้รับ phencyclidine เกินขนาด
-
ใช้เป็นยาคลื่นไส้อาเจียน
ฤทธิ์แก้คลื่นไส้อาเจียนมีในยากลุ่ม phenothiazide(ยกเว้น thioridazine)
-
ใช้ในการสลบก่อนผ่าตัด
-
ใช้รักษาอาการคัน
-
ใช้รักษาอาการสะอึก( intractable hiccups) ที่การรักษาอย่างอื่นไม่ได้ผล
ใช้ chlorpromazine
ผลข้างเคียง
-
ที่เกิดจากการปิดกั้น H1-rc.
ทำให้ง่วง
-
ที่เกิดจากการปิดกั้น α1-rc.
ทำให้ความดันเลือดต่ำ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศชาย การหลั่งอสุจิผิดปกติ
-
ที่เกิดจากการปิดกั้น M3 rc. ทำให้ตาแห้ง ปากแห้ง ปัสสาวะคั่ง ท้องผูก ตาพร่า
-
Neuroleptic malignant syndrome มีอาการกล้ามเนื้อแข็ง(muscle rigidity)ไข้สูงมากความดันเลือดสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และภาวะจิตใจเปลี่ยนแปลง
จาการปิดกั้น Dopamine D1 และ D2 rc ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางระบบประสาทที่เรียกว่า
Extrapyramidal symptom (EPS) ได้แก่
-
Acute dystonia คอแข็ง ลิ้นแข็ง กล้ามเนื้อแข็ง
ภาวะนี้รักษาโดยการใช้ยา anticholinergi เช่น diphenhydramine
หรือ trihexyphyphenidyl
(Artane)
-
Akinesia เดินก้าวสั้น แกว่งแขวนน้อย เริ่มเคลื่อนไหวลำบาก เช่น
เริ่มลุกจากเก้าอี้
-
Parkinsonian syndrome มีอาการคล้ายโรค Parkinson
เช่น สั่น กล้ามเนื้อแข็งแรงเกร็งและเคลื่อนไหวช้า หน้าไม่ยิ้มหรือแสดงความรู้สึกเหมือนใส่หน้ากาก
( mask-like face )
-
Akathisia อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา เดินไปมา ผุดลุกผุดนั่งตลอดเวลา
-
Tardive dyskinesia เกิดภายหลังได้รับยาในระยะยาว (4
เดือนถึง1ปี) พบได้ 20-40%ของผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่ม typical
ถ้าตรวจพบควรรีบหยุดยาทันที
อาการอาจหายไปเมื่อหยุดยาหรืออาจเป็นถาวรก็ได้
ยาต้านโรคจิตกลุ่ม
atypical
กลไกและผล ฤทธิ์การต้านโรคจิตเกิดจากการปิดกั้น
rc.
อื่นในสมองที่ไม่ใช่ D2 rc. เช่น 5-HT2A,D4
และ a receptor ดังนั้นยากลุ่มนี้จะมีอาการทาง
EPS น้อยกว่ากลุ่ม typical
จำแนกยาตามความสามารถในการจับ
affinity
กับ D2 rc. fy’ouh
·
ยาที่มีความแรงต่ำ เช่นquetiapine
·
ยาที่มีความแรงปานกลาง
เช่น clozapine
·
ยาที่มีความแรงสูง เช่น olanzapine
, risperidol , pimozide
ประโยชน์ในการรักษา
เชื่อว่าดีกว่ายากลุ่ม
typical
เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่า และรักษาอาการลบดีกว่า ใช้รักษาโรคต่อไปนี้
-
โรคจิตเภท
-
โรคอารมแปรปรวน
-
ภาวะโรคจิต
ผลข้างเคียง
-
ระดับในกลูโคสในเลือด
-
ยา clozapine
อาจทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำ
-
อาจทำให้ชัก
-
ความดันเลือดต่ำ
-
น้ำหนักตัวเพิ่ม
-
ง่วง
-
ท้องผูก
ยาคล้ายเศร้า(antidepressants
) และ mood stabilizer
โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางอารมณ์
มีอาการณ์ซึมเศร้าอย่างมาก ไม่สนใจต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวัน นอนไม่หลับ
เบื่ออาหารหรือกินอาหารมาก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า
Antidepressent drugs แบ่งได้ดังนี้
-
กลุ่มยาที่เพิ่มระดับ cathecholamine(increase
cathecholamine level) ได้แก่
Tricyclic antidepressant : Tertiary amine : Imipramine,
Amitriptyline
Secondary amine : Desipramine,
Nortriptyline
MAOIS : Phenelzine, Tranylcypromine
-
กลุ่ม Serotonin
reuptake inhibitor :ได้แก่
Fluoxetine, Sertraline,
Paraoxetine, Bupropion, Venlafaxine
Tricyclic antidepressant
-
การให้ผลในการรักษาต้องใช้เวลาประมาณ
2
สัปดาห์ จึงจะเห็นผล
ผลข้างเคียง
-
ปากแห้ง ตามัว มองไม่ชัด มีการคั่งของปัสสาวะ ท้องผูก
ซึ่งจะเห็นผลข้างเคียงได้ในเวลา 2 สัปดาห์หลังกินยา
-
หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตเปลี่ยนขณะเปลี่ยนท่า
-
ซึม สับสน
กระสับกระส่าย
-
มีผื่นขึ้น น้ำหนักลด
-
ความต้องการทางเพศลดลง
พิษจากยา
-
กดการหายใจ
-
ซึม สับสน
กระสับกระส่าย
-
Hyperpyrexia
-
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำ
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการใช้ใน
-
ผู้ป่วยโรคต้อหิน
-
ผู้ป่วยโรคหัวใจ
-
หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร
ยากลุ่ม MAO
inhibitors (MAIOs)
-
ยาออกฤทธิ์โดยยับยั้งเอนไซม์
monoamine oxidase (MAO) จึงส่งผลให้เพิ่มระดับ amine ใน Synapses
-
ยาให้ผลในการรักษาในช่วง
2-3 WRS.
ขึ้นไป
-
ใช้รักษาอาการซึมเศร้า
กลัว และวิตกกังวล
Mood stabilizer
Mood
stabilizer คือ
ยาที่สามารถลดได้ทั้งอาการคลั่งและอาการซึมเศร้า ทำให้อารมณ์ไม่แกว่งในป่วยโรค bipolar disorder ยานี้ได้แก่ Lithium carbonate
กลไกและผล
-
ยับยั้งการสังเคราะห์
inositol จาก IP1 ส่งผลให้ IP3 และ DAG น้อยลง
-
ยับยั้ง adenolate
cyclase ทำให้ลดการสังเคราะห์ Camp
-
ยับยั้งการทำงานร่วมกันระหว่าง
receptor
และ G protein
ประโยชน์ในการรักษา
-
ใช้เป็นยากิน รักษาหรือป้องกันอาการบ้าคลั่ง(mania)ในผู้ป่วย bipolar
-
ใช้รักษาอาการโรคจิตที่มีการคลั่งร่วมด้วย
-
ใช้รักษาภาวะอาการซึมเศร้า(ใช้เป็นยาร่วม)
-
Lithium
carbonate มี therapeutic index แคบ
ดังนั้นจึงต้องมีการวัดระดับในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง
เภสัชจลนศาสตร์ ยาดูดซึมได้ดีในทางเดินอาหาร ถูกขับออกทางปัสสาวะ มีการดูดกลับที่ไต โดยแย่งจับกับ NA+channel ดังนั้นถ้ามี NA มากในปัสสาวะ ทำให้ดูดกลับ Lithium น้อยลง ยาไม่จับกับโปรตีนในพลาสมา ขนาดยาที่ให้ผลในการรักษา คือ 0.9 -1.4 mEq/L
ผลข้างเคียง
-
คลื่นไส้ อาเจียน
เป็นอาการแรกของภาวะพิษ
-
หัวใจเต้นช้าและเต้นผิดจังหวะ
-
Goiter, Hypothyroidism
-
Nystagmus, Lethargy
-
สับสนและชักได้
อ้างอิง :
อาจารย์ นุชนาท ประมาคะเต ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา เภสัชสำหรับการพยาบาล
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น